แต่งงานทั้งทีต้องเตรียมเงินเท่าไหร่
การแต่งงานเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคู่รักคู่หนึ่ง จึงเป็นธรรมดาที่ทั้งคู่จะอยากจัดงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ น่าจดจำ และประทับใจแขกที่มาร่วมงาน แต่การจัดงานแต่งงานนั้นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย คู่รักจึงควรวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถจัดงานแต่งงานได้อย่างราบรื่นและไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงานนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ขนาดของงาน สถานที่จัดงาน อาหาร ของชำร่วย พิธีการต่างๆ เป็นต้น โดยค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยของงานแต่งงานในประเทศไทยนั้นอยู่ที่ประมาณ 300,000 – 500,000 บาท สำหรับงานแต่งงานขนาดเล็ก และอาจสูงถึง 1,000,000 บาท หรือมากกว่านั้นสำหรับงานแต่งงานขนาดใหญ่
สำหรับคู่รักที่มีงบประมาณจำกัด ก็สามารถจัดงานแต่งงานได้เช่นกัน โดยอาจเลือกสถานที่จัดงานที่ราคาไม่แพง ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป หรืออาจจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่าย เน้นความอบอุ่นและใกล้ชิดในครอบครัวและเพื่อนฝูง
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงานบางส่วนที่คู่รักควรพิจารณา
1. ค่าหาฤกษ์
ค่าฤกษ์แต่งแบบทั่วไปนั้น มักจะอยู่ที่ประมาณ 500 – 2,500 บาท โดยขึ้นอยู่กับชื่อเสียงและประสบการณ์ของหมอดู รวมถึงความซับซ้อนของการคำนวณฤกษ์มงคล สำหรับค่าฤกษ์แต่งแบบพิเศษ เช่น การดูฤกษ์แต่งงานแบบเจาะจงวันและเวลา หรือ การดูฤกษ์แต่งงานแบบเหมาทั้งปีนั้น มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า โดยอาจอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 50,000 บาท หรือมากกว่านั้น
2. ค่าเช่าชุดบ่าวสาว
ค่าเช่าชุดบ่าวสาว เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่สำคัญในการจัดงานแต่งงาน โดยชุดบ่าวสาวนั้นมีหลายแบบให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นชุดไทย ชุดสากล ชุดราตรี ชุดไทยประยุกต์ หรือแม้แต่ชุดแบบแฟชั่น
ค่าเช่าชุดบ่าวสาวนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ประเภทของชุด คุณภาพของชุด ชื่อเสียงของร้านเช่าชุด และช่วงเวลาที่เช่าชุด เช่น งานแต่งงานในช่วงเทศกาลอาจมีค่าเช่าชุดแพงกว่าช่วงปกติ โดยค่าเช่าชุดบ่าวสาวแบบทั่วไปนั้น มักจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 65,000 บาท โดยชุดไทยมักจะมีราคาสูงกว่าชุดสากล สำหรับชุดบ่าวสาวแบบพิเศษ เช่น ชุดแต่งงานแบบ Haute Couture หรือชุดแต่งงานแบบสั่งตัดนั้น มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า โดยอาจอยู่ที่ประมาณ 65,000 – 350,000 บาท หรือมากกว่านั้น
3. ค่าถ่ายรูป Pre-wedding
ค่าถ่ายรูป Pre-wedding นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ระยะเวลาในการถ่ายทำ สถานที่ถ่ายทำ สไตล์การถ่ายภาพ ชื่อเสียงของช่างภาพ และจำนวนไฟล์ภาพที่ได้รับ โดยค่าถ่ายรูป Pre-wedding แบบทั่วไปนั้น มักจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 30,000 บาท โดยระยะเวลาในการถ่ายทำมักอยู่ที่ประมาณ 2 – 4 ชั่วโมง สถานที่ถ่ายทำมักเป็นสถานที่ภายในเมืองหรือสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป และจำนวนไฟล์ภาพที่ได้รับมักอยู่ที่ประมาณ 50 – 100 ภาพ
สำหรับค่าถ่ายรูป Pre-wedding แบบพิเศษ เช่น การถ่ายทำแบบข้ามวันข้ามคืน การถ่ายทำในสถานที่พิเศษ หรือ การถ่ายทำแบบแฟชั่นนั้น มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า โดยอาจอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 100,000 บาท หรือมากกว่านั้น
4.ค่าสถานที่หมั้น (แต่งกลางวัน)
โดยค่าสถานที่หมั้น (แต่งกลางวัน) แบบทั่วไปนั้น มักจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 50,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับขนาดของสถานที่เป็นหลัก สถานที่ตั้งของสถานที่ เช่น ในเมืองหรือต่างจังหวัด ช่วงเวลาที่จัดงาน เช่น งานแต่งงานในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์
สำหรับสถานที่หมั้นแบบพิเศษ เช่น สถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม สถานที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือ สถานที่ที่มีชื่อเสียงนั้น มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า โดยอาจอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 200,000 บาท หรือมากกว่านั้น
5.ค่าของชำร่วย
ค่าของชำร่วยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ประเภทของของชำร่วย คุณภาพของของชำร่วย ปริมาณของชำร่วย และช่วงเวลาที่สั่งของชำร่วย เช่น งานแต่งงานในช่วงเทศกาลอาจมีราคาของชำร่วยแพงกว่าช่วงปกติ โดยค่าของชำร่วยแบบทั่วไปนั้น มักจะอยู่ที่ประมาณ 5 – 30 บาทต่อชิ้น โดยขึ้นอยู่กับประเภทของของชำร่วยเป็นหลัก เช่น ของชำร่วยที่เป็นอาหารหรือเครื่องดื่มมักจะมีราคาต่ำกว่าของชำร่วยที่เป็นของใช้หรือของตกแต่ง
สำหรับของชำร่วยแบบพิเศษ เช่น ของชำร่วยที่สั่งทำพิเศษ ของชำร่วยที่มีดีไซน์สวยงาม หรือของชำร่วยที่มีมูลค่าสูงนั้น มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า โดยอาจอยู่ที่ประมาณ 30 – 100 บาทต่อชิ้น หรือมากกว่านั้น
6.ค่าการ์ดเชิญ
ค่าการ์ดเชิญนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ประเภทของการ์ดเชิญ คุณภาพของการ์ดเชิญ ปริมาณของการ์ดเชิญ และช่วงเวลาที่สั่งการ์ดเชิญ เช่น งานแต่งงานในช่วงเทศกาลอาจมีราคาการ์ดเชิญแพงกว่าช่วงปกติ
โดยค่าการ์ดเชิญแบบทั่วไปนั้น มักจะอยู่ที่ประมาณ 5 – 20 บาทต่อใบ โดยขึ้นอยู่กับประเภทของการ์ดเชิญเป็นหลัก เช่น การ์ดเชิญแบบเรียบง่ายมักจะมีราคาต่ำกว่าการ์ดเชิญแบบหรูหรา
สำหรับการ์ดเชิญแบบพิเศษ เช่น การ์ดเชิญที่สั่งทำพิเศษ การ์ดเชิญที่มีดีไซน์สวยงาม หรือการ์ดเชิญที่มีมูลค่าสูงนั้น มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า โดยอาจอยู่ที่ประมาณ 20 – 50 บาทต่อใบ หรือมากกว่านั้น
7.ค่าแต่งหน้าทำผม
โดยค่าแต่งหน้าทำผมแบบทั่วไปนั้น มักจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 15,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับประเภทของการแต่งหน้าทำผมเป็นหลัก เช่น การแต่งหน้าแบบธรรมชาติมักจะมีราคาต่ำกว่าการแต่งหน้าแบบจัดเต็ม
สำหรับการแต่งหน้าทำผมแบบพิเศษ เช่น การแต่งหน้าแบบเจ้าสาว การแต่งหน้าแบบพรีเวดดิ้ง หรือ การแต่งหน้าสำหรับงานอีเวนต์นั้น มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า โดยอาจอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 30,000 บาท หรือมากกว่านั้น
8.ค่าช่างภาพและค่าพิธีกรวันแต่ง
ค่าช่างภาพและพิธีกรวันแต่งงานนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ระยะเวลาในการถ่ายทำ รูปแบบการถ่ายภาพ ประสบการณ์ของช่างภาพ ชื่อเสียงของช่างภาพ ชื่อเสียงของพิธีกร และช่วงเวลาที่ใช้บริการ เช่น งานแต่งงานในช่วงเทศกาลอาจมีค่าช่างภาพและพิธีกรแพงกว่าช่วงปกติ โดยค่าช่างภาพและพิธีกรวันแต่งงานแบบทั่วไปนั้น มักจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 50,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ข้างต้น สำหรับช่างภาพและพิธีกรวันแต่งงานแบบพิเศษ เช่น การถ่ายทำแบบข้ามวันข้ามคืน การถ่ายทำในสถานที่พิเศษ หรือ การถ่ายทำแบบแฟชั่นนั้น มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า โดยอาจอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 100,000 บาท หรือมากกว่านั้น
9.ค่าอาหารและค่าสถานที่(งานแต่งช่วงเย็น)
โดยค่าอาหารและค่าสถานที่จัดงานแต่งงานช่วงเย็นแบบทั่วไปนั้น มักจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 30,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ข้างต้น
สำหรับอาหารและสถานที่จัดงานแต่งงานช่วงเย็นแบบพิเศษ เช่น อาหารที่มีวัตถุดิบชั้นเลิศ อาหารที่มีการตกแต่งสวยงาม สถานที่จัดงานที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม หรือ สถานที่จัดงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั้น มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า โดยอาจอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 100,000 บาท หรือมากกว่านั้น
โดยค่าอาหารและค่าสถานที่จัดงานแต่งงานช่วงเย็นแบบทั่วไปนั้น มักจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 30,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ข้างต้น
สำหรับอาหารและสถานที่จัดงานแต่งงานช่วงเย็นแบบพิเศษ เช่น อาหารที่มีวัตถุดิบชั้นเลิศ อาหารที่มีการตกแต่งสวยงาม สถานที่จัดงานที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม หรือ สถานที่จัดงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั้น มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า โดยอาจอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 100,000 บาท หรือมากกว่านั้น
คู่รักควรเริ่มวางแผนการเงินสำหรับการจัดงานแต่งงานตั้งแต่เนิ่นๆ โดยสำรวจค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และกำหนดงบประมาณคร่าวๆ ไว้ก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ หาข้อมูลและเปรียบเทียบราคาจากผู้ให้บริการต่างๆ เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
นอกจากนี้ คู่รักยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงานได้อีกด้วย ดังนี้
วางแผนจัดงานแต่งงานล่วงหน้า: ยิ่งวางแผนล่วงหน้ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสหาโปรโมชั่นและส่วนลดได้มากขึ้น
เลือกจัดงานแต่งงานในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว: งานแต่งงานในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวมักจะมีราคาไม่แพงเท่าช่วงเทศกาล
เลือกสถานที่จัดงานที่ใกล้บ้าน: ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าที่พัก
จ้างผู้ให้บริการที่รู้จักหรือได้รับการแนะนำ: ช่วยลดความเสี่ยงในการถูกโกงหรือได้รับบริการที่ไม่ดี
การแต่งงานเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษของคู่รักคู่หนึ่ง ดังนั้น คู่รักจึงควรวางแผนการเงินอย่าง